วันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การตรวจเยี่ยมโรงเรียนเพื่อรับรองโรงเรียนต้นแบบ ( โรงเรียนในฝัน )

หมวดภาษาไทย  คณะครูในหมวด
1. นาย ชลอ   พลรัตน์
2. นางสาว เจนติมา    เกษมวิชญ์
3. นางสาว  ใกล้สุข   ข่ายม่าน

และนักเรียนในหมวดกิจกรรมของภาษาไทย โรงเรียนตรังรังสฤษฎ์ 
ผู้จัดทำภาพประมวลกิจกรรมต่างๆ


































วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

กิจกรรม ศิลปินพื้นบ้านสื่อสารด้วยเพลงบอก ตอนที่ 3

เพลงบอก นิยมเล่นกันในวันตรุษสงกรานต์ เป็นการบอกกล่าวป่าวร้องให้ชาวบ้านได้ทราบว่าถึงวันขึ้นปีใหม่แล้ว โดยเฉพาะรายละเอียดการเปลี่ยนปี             หรือการประกาศสงกรานต์ประจำปีซึ่งสมัยก่อนไม่ได้มีการพิมพ์ปฏิทินอย่างเช่นในปัจจุบัน พอถึงปลายเดือนสี่ย่างเดือนห้า ซึ่งเป็นระยะที่ชาวนาส่วนมากเก็บเกี่ยวขึ้นยุ้งขึ้นฉางเสร็จแล้ว เวลาพลบค่ำตามละแวกบ้านจะได้ยิน        เสียงเพลงบอก มีการออกตระเวนตามบ้านโดยมีบุคคลซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่บ้านนั้น ๆ เป็นคนนำทาง คอยไปปลุกเจ้าของบ้านให้เปิดประตูรับ เมื่อเจ้าของบ้านเปิดประตูรับ แม่เพลงก็จะขับกลอนเพลงบอกขึ้นในทันที เจ้าของบ้านจะเชื้อเชิญขึ้นบนเรือน ยกเอาหมากพลู บุหรี่ เหล้ายาปลาปิ้งออกมาเลี้ยง และจะว่าเพลงเล่นตำนานสงกรานต์ในปีนั้นให้ฟัง

เครื่องดนตรีที่ใช้ประกอบการขับร้อง
ใช้เครื่องดนตรี ๒ ชนิด คือ ฉิ่ง ๑ คู่ และกรับ ๑ คู่
แม่เพลงและลูกคู่
                 เพลงบอกคณะหนึ่ง ๆใช้ผู้เล่นไม่มาก  คือมีเพียง ๑ คนกับลูกคู่อีก ๒ คน เป็นอย่างน้อย  และอย่างมากที่สุดจำนวนลูกคู่ไม่เกิน ๔ คน  แต่ที่แม่เพลงนิยมกันมากคือลูกคู่    คนเท่านั้น
                         

                                           คณะผู้จัดทำ


เด็กชาย ศักดิ์พันธุ์   เดชอรัญ
เด็กชายรัตนพล       บรรณสาร
เด็กชายปฐมพร   สินเสาวภาคย์นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ / ๓

ครูที่ปรึกษา




นายชลอ  พลรัตน์

กิจกรรม ศิลปินพื้นบ้านสื่อสารด้วยเพลงบอก ตอนที่ 2


      หลอดหล่อ            ปานบอด

               บรมครูเพลงบอก  

เพลงบอก

เพลงบอกเป็นการละเล่นอย่างหนึ่งของชาวปักษ์ใต้บริเวณจังหวัดภาคใต้ตอนบนและตอนล่าง อันได้แก่ จังหวัดชุมพร สุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง และสงขลา นิยมเล่นในวันตรุษสงกรานต์ เพลงบอก เป็นเพลงพื้นบ้านที่ได้รับความนิยมสูงสุด และมีการแพร่กระจายทั่วทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ ตลอดไปถึงคนไทยในประเทศมาเลเซีย  ศิลปินที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดสงขลา


 




           

วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

กิจกรรม ศิลปินพื้นบ้านสื่อสารด้วยเพลงบอก ตอนที่ 1

กรรม

                                           ทุกท่านวันนี้                  ท่านมาเป็นสักขีพยานของโรงเรียน
พวกเราพากเพียรเรียนมา                             มีความก้าวหน้าสวย
                โรงเรียนดีใกล้บ้านผ่านการสมัคร เกิดการร่วมรักสามัคคี
ทุกคนยินดีพร้อมพรัก                                   ผอ.เป็นหลักช่วย
                ทั้งครูอาจารย์สอนศิษย์                  ช่วยกันปลูกจิตร่วมด้วย
เพื่อให้ร่ำรวยวิชา                                           ให้มีความก้าวหน้าไกล
                มาถึงกลุ่มวิชาภาษาไทย                พวกเราร่วมใจต้อนรับ
ด้วยการร้องขับเพลงบอก                           ใส่สัพยอกใจ
                ศิลปินพื้นบ้านนานนานได้ฟัง       เยาวชนรุ่นหลังฟังไว้
ของดีเมืองใต้เรานี้                                       ช่วยกันสดุดีหนา
                กลุ่มสาระนี้มีดีหลายอย่าง          เห่ชมนวลนางขนมไทย
สารทเดือนสิบใหญ่ของชาวพุทธ                ที่ได้สมมุติ
                มีการเล่นโขนเรื่องรามเกียรติ์        วรรณคดีการเรียนสูงค่า
สรรค์สร้างกันมาวันนี้                                  เพื่อให้ท่านมีสุข             
                ขอจงเห็นใจจงให้คะแนน           ให้เราสุขแสนสบายจิต
จะได้เป็นมิตรยาวนาน                                  หัวใจไม่พาลทุกข์
         ขอบคุณมากมายท่านได้ให้โอกาส      เยาวชนของชาติร่วมยุค
ที่ได้มาปลุกความคิด                                     ให้มีชีวิตสบาย
           หมวดภาษาไทยชื่นใจกรรมการ         ที่ท่านให้ผ่านกิจกรรม
พวกเราพากเพียรเรียนทำ                             ได้จดได้จำด้วย
                เพลงบอกขอลาค่อยมาพบใหม่      ผู้มีจิตใจร่ำรวย
ท่านทั่งน่ารักรูปสวย                                      ให้ท่านร่ำรวยทอง







กิจกรรมการแสดงโขน







                                                                        คณะผู้จัดทำ
เด็กชายนฤพนธ์  นุ้ยภิรมย์
นายภาคภูมิ  พรหมมี
นายอภินันท์  รอดแข็ง
นายนพรัตน์  ชูทวี
นางสาววารุณี  ส่งเสริม
นางสาวศิริพร  สองนา


                                                                       ครูที่ปรึกษา

                    ครูศิริ  ศิริรักษ์

           โขนเป็นนาฏศิลป์ชั้นสูงของไทยที่มีความสง่างาม อลังการและอ่อนช้อย การแสดงประเภทหนึ่งที่ใช้ท่ารำตามแบบละครใน แตกต่างเพียงท่ารำที่มีการเพิ่มตัวแสดง เปลี่ยนทำนองเพลงที่ใช้ในการดำเนินเรื่องไม่ให้เหมือนกับละครแสดงเป็นเรื่องราวโดยลำดับก่อนหลังเหมือนละครทุกประการ ซึ่งไม่เรียกการแสดงเหล่านี้ว่าละครแต่เรียกว่าโขนแทนมีประวัติยาวนานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา
                มีกำเนิดมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๒๐ เรื่องที่ใช้ แสดงโขน ในปัจจุบันนี้ นิยมเพียงเรื่องเดียว คือ เรื่องรามเกียรติ์ ซึ่งไทย ได้เค้าเรื่องเดิมมาจากเรื่องรามายณะของอินเดียเรื่องรามเกียรติ์เป็นเรื่องยาว ไม่สามารถ แสดงให้จบในวันเดียวได้  
  ลักษณะบทโขน
     ประกอบด้วย
        บทร้อง
       บทพากย์
       บทเจรจา
ประเภทของโขน
         โขนเป็นการแสดงที่ได้รับความนิยมมาโดยตลอด ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน มักนิยมแสดงเป็นมหกรรมบูชาเจ้านายชั้นสูงเช่น แสดงในงานถวายพระเพลิงพระบรมศพหรือพระศพ แสดงเป็นมหรสพสมโภชเช่น ในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และแสดงเป็นมหรสพเพื่อความบันเทิงในโอกาสทั่ว ๆ ไป นิยมแสดงเพียง 3 ประเภทคือ โขนกลางแปลง โขนหน้าจอและโขนฉาก
สำหรับโขนนั่งราวหรือโขนโรงนอกไม่นิยมจัดแสดง เนื่องจากเป็นการแสดงโขนที่มีแต่บทพากย์และบทเจรจาเท่านั้น ไม่มีบทร้อง ใช้ราวไม้กระบอกแทนเตียงสำหรับนั่ง และโขนโรงในซึ่งเป็นศิลปะที่โขนหน้าจอนำไปแสดง แต่เดิมไม่มีองค์ประกอบจำนวนมาก ต่อมาภายหลังเมื่อมีความต้องการมากขึ้น โขนจึงมีวิวัฒนาการพัฒนาเป็นลำดับ
           โขนกลางแปลงนี้แสดงเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ยกรบ ปะทะทัพเป็นพื้น เป็นการแสดงการรบกันระหว่างกองทัพฝ่ายพระรามและกองทัพฝ่ายทศกัณฐ์ เนื่องจากเป็นการจำลองการรบจึงใช้ผู้ชายเท่านั้นในการแสดง ส่วนการดำเนินเรื่องใช้เพียงการพากย์ เจรจาเท่านั้น ไม่มีการขับร้อง



    สองทัพ  สองประทะ  โยธี  สองข้าง  ต่างมีบัญชาทัพ.........โยธา

ฝ่ายทศกัณฐ์  เจ้ากรุง  ลงกา            สั่งหมู่  อสุราให้เข้า  หักโหม  โจมตี
            ฝ่ายองค์  พระราม  ภูมี    สั่ง โยธีให้เข้าหักโหม  โจมตี          
        ทศเศียรราชา  ทรงพระสรวญสำราญร่าฟังปราศรัยว่าดูรามนุษย์นายลิงไพรผู้อ่อนฤทธิ์อันศรสิทธิ์ของท่านนั้นก็มิใช่เล่น  แต่ก็ไม่สามารถพิฆาตเข่นฆ่าเราได้ จะชิงนางสีดากลับคืนไปอย่างไรเล่า
ว่าพลางพระจอมอสุรินทร์   ปิ่นฉัตนชัย จึงเสด็จคลาไคลขึ้นบนราชรถมณีให้คืนทัพกลับลงกามหานคร
 
โขนตอนยกรบเป็นตอนหนึ่งในการแสดงโขนกลางแปลง โขนกลางแปลง เป็นการแสดงโขนแสดงกลางแจ้ง บนพื้นดิน หรือกลางสนามหญ้า สันนิฐานว่าเป็นการแสดงโขนประเภทแรก จัดแสดงตั้งแต่สมัยอยุธยา แต่ไม่ทราบต้นกำเนิดแน่ชัด

กิจกรรมขนมเดือนสิบ

                     กาพย์เห่ชมขนมเดือนสิบ
               
 สารทเดือนสิบเราร่วม           ประเพณี
บุญยิ่งใหญ่ประจำปี               สืบซ้อง
อุทิศบุญทั้งกรรมดี                  กรรมชั่ว
บรรพชนเก่าพร้อง                  ลูกหลานล้วนสดุดี
                เดือนสิบสองเป็นงานบุญ      รำลึกคุณคนล่วงลับ
จากไปไม่หวนกลับ                               ล่องลอยลับดวงวิญญาณ
                สารทสิบวิญญาณหวน          ลูกหลานล้วนอธิษฐาน
เซ่นสรวงดวงวิญญาณ                          ด้วยอาหารหลายหลากมี
                ขนมบ้าหยิบมาเอ่ย                                อย่าหลงเลยเป็นบ้านี่
เป็นขนมรสชาติดี                                  รูปร่างนี้มีแผ่นบาง
                เขาว่ามาจากชื่อ                      สะบ้าหรือคือรูปร่าง
รูปผลมนกลมบาง                                 คล้ายทุกอย่างลูกไม้นี้
                ขนมลาใช่ลาจาก                    รสถูกปากของเปรตผี
เส้นเล็กนับพันมี                                    เหมาะเจาะดีผู้มีกรรม
                ปากเล็กเท่ารูเข็ม                    ต้องแทะเล็มอย่างดื่มด่ำ
อดสูกูสร้างกรรม                                   เจ็บปวดล้ำคนมีเวร
                เปซัมรสล้ำเลิศ                       ก่อกำเนิดเกิดซ่อนเร้น
เขาเทียบเปรียบคล้ายเป็น                     ต่างหูเซ่นสรวงตายา

เจาะรูดูกลางกลวง                 คล้ายคล้ายห่วงดูแยบคาย
คิดดูรู้ความหมาย                                   ถ่วงหูไว้ได้ชั่งใจ
            ขนมเทียนห่อใบตอง            ใช่เทียนน้องส่องฤทัย
โฉมงามเจ้าทรามวัย                               ห่อรักไว้ในหนมเทียน
                เปิดดูรู้ประจักษ์                     เทียนสื่อรักห่อแนบเนียน
นึกหน้าน้ำตาเทียน                                                โด้ใจเปลี่ยนเทียนช้ำใจ
                เหนียวต้มห่อใบพ้อ                               จำต้องห่อปิดเนื้อใน
ดังสาวพราวพร่างใจ                              ปกปิดไว้ได้บังตา
                เชิงชายทำชู้รัก                       จ้องใจปักสิเหน่หา
นวลน้องหมองอุรา                                               เจอชายบ้าตัณหากาม

                ชวนชมขนมสารทเดือนสิบ  ทศมาส
บุราณกาลมุ่งมาด                                   กล่าวไว้
ลูกหลานเหลนเครือญาติ                      คืนเหย้า
เซ่นสรวงวิญญาณให้                             ปู่ย่าตายาย
ความหมายของการเห่
          เห่ หมายถึง ทำนองขับลำนำบ้างเห่เพื่อให้เคลิ้ม เช่น    เห่กล่อมพระบรรทมถวายเจ้านาย
เมื่อจะทรงบรรทมบ้างเห่เพื่อผ่อนคลายเวลาพายเรือ และเพื่อให้จังหวะฝีพายให้พายเรือ
ไปพร้อม   กัน เรียกว่าเห่เรือ
ลักษณะคำประพันธ์ : กาพย์ห่อโคลง
                ตัวอย่าง  กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน
พระราชนิพนธ์ โดย รัชกาลที่ ๒
โคลง
                แกงไก่มัสมั่นเนื้อ  นพคุณพี่เอย
หอมยี่หร่ารสฉุน                    เฉียบร้อน
ชายใดบริโภคภุญช์                 พิศวาส    หวังนา
แรงอยากยอหัตถ์ช้อน          อกให้หวนแสวงฯ
กาพย์
                มัสมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่ารสร้อนแรง
ชายใดได้กลือนแกง              แรงอยากให้ใฝ่ฝันหา

    
เทศกาลงานบุญสารทเดือนสิบ
       สารทเดือนสิบ เป็นงานบุญที่ยิ่งใหญ่ของชาวปักษ์ใต้ประเพณีบุญเดือนสิบ หรือคนที่เรียกกันว่า สารทเดือนสิบเกิดจากความเชื่อในขนบธรรมเนียมประเพณีนิยม สืบทอดแนวคิดมาจากอินเดีย เชื่อว่าบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วจะกลับมาเยี่ยมญาติ หรือครอบครัวของตนในช่วงแรม ๑ คำ เดือน ๑๐ ถึงแรม ๑๕ ค่ำ ซึ่งจะมีการทำบุญทำกุศลแก่บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว  ผู้ไปทำบุญจะจัดเพื่อ หมรับ โดยจะต้องใส่พืชผักผลไม้ และที่สำคัญที่สุดและเป็นหัวใจหลัก คือ ต้องมีขนมเดือนสิบ แต่ละชนิดนั้นจะมีความหมายแตกต่างกัน คือ

                        
                      

                                                                                                  ขนมลา เปรียบเสมือนเสื้อผ้า  เพื่อให้ผู้ตายสวมใส่ในนรกภูมิ





ขนมพอง เปรียบเสมือนแพให้ผู้ตายใช้เป็นพาหนะข้ามห้วยแห่งทุกข์และบาปหรือเวรกรรม
                                                            




                   
 
           ขนมบ้า เปรียบเสมือน การละเล่นที่ให้ผู้ตายเล่น เช่น สะบ้า





 

ขนมดีซัม เปรียบเสมือนเบี้ยหรือเงินที่ ให้ผู้ตายใช้ในระหว่างใช้เวรกรรมในนรกภูมิ


       

 ขนมกง เปรียบเสมือน    เครื่องทรงหรือเครื่องประดับเพื่อให้ดูภูมิฐานและสวยงาม




                                                          คณะผู้จัดทำ


(ผู้เห่)
ด.ญ. นัฐกาน   เปลี่ยนใจ
(ลูกคู่)
                                             ด.ญ. อฐิติยา    ชูมี
                                            ด.ญ. ศศิธร    ทานัง
  ด.ญ. สมฤดี    สาสุธรรม
น.ส.  จุฑามาศ    ชื่นจิต
น.ส.  จิราวรรณ ศุภพันธ์
น.ส.  กิ่งกาญจน์   ฉิมพลีศิริ
                                                 น.ส. รัตติกาล  แพตระกูล

                                                 ครูที่ปรึกษา
 
นางสาวเจนติมา  เกษมวิญช์
นางสาวใกล้สุข    ข่ายม่าน