กาพย์เห่ชมขนมเดือนสิบ
สารทเดือนสิบเราร่วม ประเพณี
บุญยิ่งใหญ่ประจำปี สืบซ้อง
อุทิศบุญทั้งกรรมดี กรรมชั่ว
บรรพชนเก่าพร้อง ลูกหลานล้วนสดุดี
เดือนสิบสองเป็นงานบุญ รำลึกคุณคนล่วงลับ
จากไปไม่หวนกลับ ล่องลอยลับดวงวิญญาณ
สารทสิบวิญญาณหวน ลูกหลานล้วนอธิษฐาน
เซ่นสรวงดวงวิญญาณ ด้วยอาหารหลายหลากมี
ขนมบ้าหยิบมาเอ่ย อย่าหลงเลยเป็นบ้านี่
เป็นขนมรสชาติดี รูปร่างนี้มีแผ่นบาง
เขาว่ามาจากชื่อ สะบ้าหรือคือรูปร่าง
รูปผลมนกลมบาง คล้ายทุกอย่างลูกไม้นี้
ขนมลาใช่ลาจาก รสถูกปากของเปรตผี
เส้นเล็กนับพันมี เหมาะเจาะดีผู้มีกรรม
ปากเล็กเท่ารูเข็ม ต้องแทะเล็มอย่างดื่มด่ำ
อดสูกูสร้างกรรม เจ็บปวดล้ำคนมีเวร
เปซัมรสล้ำเลิศ ก่อกำเนิดเกิดซ่อนเร้น
เขาเทียบเปรียบคล้ายเป็น ต่างหูเซ่นสรวงตายา
เจาะรูดูกลางกลวง คล้ายคล้ายห่วงดูแยบคาย
คิดดูรู้ความหมาย ถ่วงหูไว้ได้ชั่งใจ
ขนมเทียนห่อใบตอง ใช่เทียนน้องส่องฤทัย
โฉมงามเจ้าทรามวัย ห่อรักไว้ในหนมเทียน
เปิดดูรู้ประจักษ์ เทียนสื่อรักห่อแนบเนียน
นึกหน้าน้ำตาเทียน โด้ใจเปลี่ยนเทียนช้ำใจ
เหนียวต้มห่อใบพ้อ จำต้องห่อปิดเนื้อใน
ดังสาวพราวพร่างใจ ปกปิดไว้ได้บังตา
เชิงชายทำชู้รัก จ้องใจปักสิเหน่หา
นวลน้องหมองอุรา เจอชายบ้าตัณหากาม
ชวนชมขนมสารทเดือนสิบ ทศมาส
บุราณกาลมุ่งมาด กล่าวไว้
ลูกหลานเหลนเครือญาติ คืนเหย้า
เซ่นสรวงวิญญาณให้ ปู่ย่าตายาย
ความหมายของการเห่
เห่ หมายถึง ทำนองขับลำนำบ้างเห่เพื่อให้เคลิ้ม เช่น เห่กล่อมพระบรรทมถวายเจ้านาย
เมื่อจะทรงบรรทมบ้างเห่เพื่อผ่อนคลายเวลาพายเรือ และเพื่อให้จังหวะฝีพายให้พายเรือ
ไปพร้อม ๆ กัน เรียกว่าเห่เรือ
ลักษณะคำประพันธ์ : กาพย์ห่อโคลง
ตัวอย่าง กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน
พระราชนิพนธ์ โดย รัชกาลที่ ๒
โคลง
แกงไก่มัสมั่นเนื้อ นพคุณพี่เอย
หอมยี่หร่ารสฉุน เฉียบร้อน
ชายใดบริโภคภุญช์ พิศวาส หวังนา
แรงอยากยอหัตถ์ช้อน อกให้หวนแสวงฯ
กาพย์
มัสมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่ารสร้อนแรง
ชายใดได้กลือนแกง แรงอยากให้ใฝ่ฝันหา
เทศกาลงานบุญสารทเดือนสิบ
“สารทเดือนสิบ” เป็นงานบุญที่ยิ่งใหญ่ของชาวปักษ์ใต้ประเพณีบุญเดือนสิบ หรือคนที่เรียกกันว่า สารทเดือนสิบเกิดจากความเชื่อในขนบธรรมเนียมประเพณีนิยม สืบทอดแนวคิดมาจากอินเดีย เชื่อว่าบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วจะกลับมาเยี่ยมญาติ หรือครอบครัวของตนในช่วงแรม ๑ คำ เดือน ๑๐ ถึงแรม ๑๕ ค่ำ ซึ่งจะมีการทำบุญทำกุศลแก่บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ผู้ไปทำบุญจะจัดเพื่อ หมรับ โดยจะต้องใส่พืชผักผลไม้ และที่สำคัญที่สุดและเป็นหัวใจหลัก คือ ต้องมีขนมเดือนสิบ แต่ละชนิดนั้นจะมีความหมายแตกต่างกัน คือ
ขนมลา เปรียบเสมือนเสื้อผ้า เพื่อให้ผู้ตายสวมใส่ในนรกภูมิ
ขนมพอง เปรียบเสมือนแพให้ผู้ตายใช้เป็นพาหนะข้ามห้วยแห่งทุกข์และบาปหรือเวรกรรม
ขนมบ้า เปรียบเสมือน การละเล่นที่ให้ผู้ตายเล่น เช่น สะบ้า
ขนมดีซัม เปรียบเสมือนเบี้ยหรือเงินที่ ให้ผู้ตายใช้ในระหว่างใช้เวรกรรมในนรกภูมิ
ขนมกง เปรียบเสมือน เครื่องทรงหรือเครื่องประดับเพื่อให้ดูภูมิฐานและสวยงาม
คณะผู้จัดทำ
(ผู้เห่)
ด.ญ. นัฐกาน เปลี่ยนใจ
(ลูกคู่)
ด.ญ. อฐิติยา ชูมี
ด.ญ. ศศิธร ทานัง
ด.ญ. สมฤดี สาสุธรรม
น.ส. จุฑามาศ ชื่นจิต
น.ส. จิราวรรณ ศุภพันธ์
น.ส. กิ่งกาญจน์ ฉิมพลีศิริ
น.ส. รัตติกาล แพตระกูล
ครูที่ปรึกษา
นางสาวเจนติมา เกษมวิญช์
นางสาวใกล้สุข ข่ายม่าน